Intranet คืออะไร
Intranet คือ ระบบเครือข่ายภายในองค์กร เป็นบริการ และการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหมือนกับInternet แต่จะเปิดให้ใช้เฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้น เป็นการจำกัดขอบเขตการใช้งาน ดังนั้นระบบอินเทอร์เน็ตในองค์กร ก็คือ "อินทราเน็ต" นั่นเอง บางครั้งถูกเรียกว่า Campus network, Local internet, Enterprise network เป็นต้น
ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างเครือข่ายอินทราเน็ต กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คือ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมทั้งโลก อินเทอร์เน็ตไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง และไม่มีใครสามารถควบคุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ แต่สำหรับเครือข่ายอินทราเน็ตมีเจ้าของแน่นอน และถูกควบคุมโดยองค์กรหรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของ
ในการใช้งานเราสามารถเชื่อมต่ออินทราเน็ตของเรากับอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถใช้ได้ทั้ง อินเทอร์เน็ต และ อินทราเน็ต ไปพร้อม ๆ กัน แต่ในการใช้งานนั้น จะแตกต่างกันด้านความเร็ว ในการโหลดไฟล์ใหญ่ ๆ จากเว็บไซต์ในอินทราเน็ต จะรวดเร็วกว่าการโหลดจากอินเทอร์เน็ตมาก ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากอินทราเน็ต สำหรับองค์กรหนึ่ง คือ สามารถใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
World Wide Web เป็นซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้อ่านและตอบโต้ข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ใน World Wide Web โดยเฉพาะ บราวเซอร์ที่พบเห็นได้มากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ Firefox และ Google Chrome การนำเสนอข้อมูลในระบบ WWW (World Wide Web) พัฒนาขึ้นมาในช่วงปลายปี 1989 โดยทีมงานจาก ห้องปฏิบัติการทางจุลภาคฟิสิกส์แห่งยุโรป (European Particle Physics Labs) หรือที่รู้จักกัน ในนาม CERN (Conseil European pour la Recherche Nucleaire) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้มี การพัฒนา ภาษาที่ใช้สนับสนุน การเผยแพร่เอกสารของนักวิจัย หรือเอกสารเว็บ (Web Document) จากเครื่องแม่ข่าย (Server) ไปยังสถานที่ต่างๆ ในระบบ WWW เรียกว่า ภาษา HTMLGoogle Chrome
การเผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ผ่านสื่อประเภทเว็บเพจ (WebPage) เป็นที่นิยมกันอย่างสูงในปัจจุบัน ไม่เฉพาะข้อมูลโฆษณาสินค้า ยังรวมไปถึงข้อมูลทางการแพทย์ การเรียน งานวิจัยต่างๆ เพราะเข้าถึงกลุ่มผู้สนใจได้ทั่วโลก ตลอดจนข้อมูลที่นำเสนอออกไป สามารถเผยแพร่ ได้ทั้งข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลภาพ ข้อมูลเสียง และภาพเคลื่อนไหว มีลูกเล่นและเทคนิคการนำเสนอ ที่หลากหลาย อันส่งผลให้ระบบ WWW เติบโตเป็นหนึ่ง ในรูปแบบบริการ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ ระบบอิน
โดเมนเนม (domain name) คือ ชื่อที่ใช้ระบุลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อไปค้นหาในระบบ โดเมนเนมซีสเทม (Domain Name System) เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส ของชื่อนั้นๆ เป็นชื่อที่ผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้ง เราอาจจะใช้ "ที่อยู่เว็บไซต์" หรือ "Web Address" แทนก็ได้
โดเมนเนม หรือ ชื่อโดเมน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เนื่องจากไอพีแอดเดรสนั้นจดจำได้ยาก และเมื่อเจ้าของเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงไอพีแอดเดรส ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือจดจำไอพีแอดเดรสใหม่ ยังคงใช้โดเมนเนมเดิมได้ต่อไป
การใช้งานโดเมน โดยทั่วไป โดเมนจะใช้งาน 2 จุดประสงค์ คือ
เว็บไซต์ : ให้ชื่อโดเมนเป็นทางเข้าเว็บไซต์
อีเมล : ใช้เป็นที่อยู่อีเมล ตัวอย่างเช่น example@domain-name.com
ความหมายของ HTML ย่อมาจากภาษาอังกฤษในคำว่า Hypertext Markup Language ซึ่งถ้าแปลความหมายให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นนั่นก็คือ เป็นภาษาที่ไว้สำหรับการสร้างเพจหรือเว็บไซต์ ภาษาตรงนี้จะไว้สำหรับการกำหนดรูปแบบของเว็บไซต์ว่าควรจะมีหน้าตาหรือควรจะมีลักษณะจุดเด่นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งเราอาจจะเห็นในเรื่องของหน้าเว็บไซต์บางเว็บไซต์ที่มีตัวหนังสือ ที่สวยงามหรือมีลูกเล่น และสีสันต่างๆ หรือมีการใช้ในส่วนของทำภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งภาษาในการเขียนเว็บอย่าง HTML เหล่านี้นี่แหละที่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงคำสั่งในการจัดรูปแบบหน้าเพจหรือข้อความต่างๆ หน้าเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ที่จะต้องการสร้างเพจหรือเว็บไซต์ควรจะเรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษา HTML เอาไว้บ้างเพื่อเอาไว้ทำการเชื่อมโยง tag ข้อมูลต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ของเราให้มีการลิงค์ข้อมูลหากัน
Tag คือ การเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าหากันอย่างง่ายดาย ความสัมพันธ์ตรงนี้จะส่งผลไปถึงผู้ที่เข้ามาดูที่หน้าเว็บไซต์ การเชื่อมข้อมูลให้กับทุกคนที่เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์จะสามารถเป็นตัวดึงดูดลูกค้า หรือดึงดูดคนทั่วไปให้อยู่กับเว็บไซต์ของเราได้มากยิ่งขึ้น
การใช้ภาษา HTML อาจจะไม่ได้ทำให้กับผู้คนโดยทั่วไปนั้นอ่านทำความเข้าใจ แต่จะเป็นภาษาพื้นฐานในการใช้งานที่หน้าเว็บไซต์และหน้าเพจ การเขียน HTML นั้นเราจะเขียนขึ้นมาเพื่อให้คอมพิวเตอร์นั้นอ่านแล้วเข้าใจวิธีการเชื่อมโยงคำสั่งต่างๆ ทั้งหมด HTML จึงเคยจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการสร้างเว็บไซต์หรือการสร้างเพจ เรียกว่าเป็นภาษาแรกที่มือใหม่สามารถหัดเรียนรู้ได้ง่ายๆ ว่าจะใช้คำสั่งไหนเพื่อให้เว็บไซต์หรือหน้าเพจออกมาตามที่เรากำหนด
Web Browser (เว็บเบราว์เซอร์) คือ โปรแกรมที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลและติดต่อสื่อสารในรูปแบบ Webpage (เว็บเพจ) โดยโปรแกรมจะแปลงภาษาคอมพิวเตอร์ HTML ให้เป็นภาษาที่คนทั่วไปสามารถอ่านและเข้าใจได้บนหน้าเว็บ
การใช้งาน Web Browser ในการเข้าชมเว็บไซต์นั้น ผู้ใช้งานจะต้องกรอก Domain Name (โดเมนเนม) ลงไปเวลาต้องการเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ โดย Domain Name จะนำมาใช้แทน IP Address (ไอพี แอดเดรส) หรือที่อยู่ของเว็บไซต์ที่เป็นตัวเลขซึ่งจดจำได้ยาก
Chrome พัฒนาโดย Google เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2008 สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการทั้ง Windows, Linux, McOS, iOS และ Android และเคยได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ปัจจุบันจัดเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ใช้ทรัพยากรพื้นที่บนคอมพิวเตอร์เปลืองที่สุด แต่ข้อดีคือเชื่อมโยงกับบัญชีต่างๆ ของ Google ทำให้ใช้งานสะดวก
Firefox เป็น Web Browser ที่โดดเด่นด้วยไอคอน จิ้งจอกไฟ พัฒนาขึ้นโดยมูลนิธิ Mozilla และอาสาสมัครอีกหลาย 100 คน สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการได้หลายแบบ ตั้งแต่ Windows, McOS10, Linux ครั้งหนึ่งเคยเป็น Web Browser ที่ดีที่สุดเลยทีเดียว โดยมีแถบเครื่องมือใช้งานและแท็บหน้าต่างอินเทอร์เน็ตที่เรียบง่าย ไม่รกสายตา เวอร์ชั่นล่าสุดยังรองรับผลการแสดงเว็บไซต์ในรูปแบบ 3 มิติด้วย
Safari พัฒนาโดยบริษัท Apple เพื่อทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS โดยเคยมี Safari ที่ใช้งานบนระบบ Windows ได้ แต่ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว หน้าตาของซาฟารีจะมีสีเงินวาว หรือที่เรียกว่า Brush Metal เหมือนกับ iTunes ซอฟต์แวร์เล่นเพลงของ iOS ส่วนความเร็วของ Browser ทางแอปเปิลได้กล่าวว่า Safari นั้นมีความเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ
Internet Explorer หรือ IE เป็น Web Browser ที่มีความเก่าแก่ที่สุด เพราะเป็นโปรแกรมพื้นฐานที่มีมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 3.11 และยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน รุ่นล่าสุดของ Internet Explorer (ปี 2022) คือ Internet Explorer 11 รองรับการใช้งานสำหรับ Windows 7, Windows Server 2008, Windows 8, Windows Server 2012, Windows 8.1, Windows Server 2012 R2 และ Windows 10 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเข้าอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น และการันตีว่าใช้ Ram และ CPU น้อยกว่า Firefox และ Chrome ทีเดียว
หมายเหตุ: Microsoft ได้ประกาศเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2021 ว่า Internet Explorer 11 จะเป็นเวอร์ชันสุดท้ายของเบราว์เซอร์ Internet Explorer บน Desktop และจะหยุดสนับสนุนตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้ประกาศว่า อนาคตของ Internet Explorer บน Windows 10 นั้นก็คือ Microsoft Edge
Microsoft Edge เป็น Web Browser ตัวใหม่ของ Microsoft ที่มาใช้งานแทน Internet Explorer โดยสามารถทำงานได้เร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และยังรองการใช้งานกับเว็บสมัยใหม่ นอกจากนี้ก็ยังมี Internet Explorer mode (IE mode) สำหรับใช้งานเว็บไซต์รุ่นเก่าๆ อีกด้วย
Web Browser (เว็บเบราว์เซอร์) ที่ดีนั้น จำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ มีความเร็ว และไม่กินพื้นที่บนคอมพิวเตอร์ ทว่าแต่ละแบบก็มีข้อจำกัดแตกต่างกันไป หรืออาจเหมาะกับระบบปฏิบัติการที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกใช้ Web Browser แบบไหนจึงขึ้นอยู่กับการใช้งานของเรานั่นเอง